กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร
ฟุตบอลโลก การ์ต้า ในตอนที่ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ เจ้าของงานจัดแจงแข่งฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 พ.ย.นี้ หลักสำคัญ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้บีบีซีฟังว่ากฎหมายศาสนาที่ครัดเคร่งของกาตาร์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขายังไงใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศ (LGBT) และก็หญิง
อาซิสขยับเขยื้อนตัวไปๆมาๆด้วยความขวยเขินในตอนที่พูดคุยทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวบีบีซี เขาอยากออกมาพูดกับสื่อ แต่ว่าก็ชัดแจ้งว่าเขาต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมาก และก็มีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการพูดคุย
“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “
อาซิส เล่าว่า ความรู้สึกกังวลใจที่เขาต้องเผชิญอยู่วันแล้ววันเล่ามาจากการถูกจ้องอยู่เสมอเวลา และก็ครั้งคราวการเผลอพูดบางอย่างกับคนผิดคนก็บางทีอาจนำไปสู่การถูกจับกุม หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์
“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า
“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”
ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนก่อนขององค์กร เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า กรุ๊ป LGBT ในกาตาร์ตกเป็นเป้าการคุมขังตามอำเภอใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนมั่นคง รวมถึงต้องเผชิญการคุกคามทั้งทางคำพูดและก็ทางร่างกาย
ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022 กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์
โดยเหตุนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมบอลโลกก็เลยทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT
แม้บอลโลกจะช่วยให้เรื่องนี้ได้รับความพึงพอใจจากนานาชาติ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังมีผลให้กลุ่มผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศในกาตาร์มีการเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”
นอกจากนี้เขายังมีความคิดว่า การคุยกันเรื่องนี้ยังถูกเอ๋ยถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย
“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”
ทางการกาตาร์ย้ำว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในช่วงการประลองบอลโลก แต่พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องแสดงความเคารพและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย
อาซิส เกรงว่าความสำเร็จของมหกรรมบอลโลกครั้งนี้จะนำเสนอภาพของประเทศที่รักความสนุก และก็ทำให้ไม่กำเนิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์
ในสหราชอาณาจักร บีบีซีได้พูดคุยกับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้จะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็วิตกกังวลว่าการเผยตัวตนสำหรับในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์
เธอบอกว่าแนวความคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในกฎหมายกาตาร์ไม่ดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับจิตของเธอ ถึงกับขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย
เซนับอธิบายว่า ระบบที่หญิงจะต้องมีผู้ปกครองชายนั้น ทำให้หญิงเป็นเด็กไปตลอดชีพ
“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”
“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”
เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่อาจจะดำรงชีพอย่างที่ต้องการได้
เธอไม่ต้องการให้บีบีซีเผยรายละเอียดถึงเหตุที่ได้เผชิญมา เพราะว่าไม่อยากที่จะให้ใครกันแน่รู้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ
เซนับบอกว่า ระบบนี้ทำให้หญิงต้องทนทุกข์จากการควบคุมบังคับของคนภายในครอบครัว และก็กฎหมายที่ครัดเคร่งของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวความคิดอนุรักษนิยมพอใจ
“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”
เจ้าหน้าที่กาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมบอลโลกครั้งนี้บอกว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์เกิดขึ้นจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและก็เพียงพอ
แนวความคิดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสะท้อนจากปากของนิสิตหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งบอกว่า “เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ บอกว่าเราควรจะทำอะไรและไม่ควรจะทำอะไรบ้าง”
“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”
แต่ เสียงคนกาตาร์ที่วิจารณ์ประเทศตัวเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างมาก และก็อย่างที่เราเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กาตาร์ต่างหวาดกลัวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการเอ๋ยถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นต้นที่พวกเขาพึงมีก็ตาม
รายงานเพิ่มเติมโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์
ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC